ไทยคมทุ่ม 20 ล้านบาท ดึงนาซ่ามาจัดนิทรรศการอวกาศ
ไทยคมทุ่ม 20 ล้านบาท จัดซีเอสอาร์เล็กๆ ดึงนาซ่าร่วมจัดนิทรรศการทางอวกาศ “นาซ่า เอ ฮิวแมน แอดเวนเจอร์” หวังกระตุ้นแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยให้มีโอกาสได้เรียนรู้วิทยาศาสตร์ และอวกาศ ชี้เป็นการแสดงครั้งแรกในเอเชียแปซิฟิก และครั้งที่ 2 ในเอเชีย รองจากญี่ปุ่น เผยจุดเด่นเหนือกว่าที่อื่นคือ มีไกด์คอยให้ความรู้และมีประสบการณ์เสมือนจริงให้ได้ทดลองใช้ ด้านธุรกิจภาพรวมของไทยคมโต 30% สูงกว่าเป้าที่วางไว้ ส่วนไอพีสตาร์ 2 ยังรอความชัดเจนจากนโยบายภาครัฐ
นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยคม กล่าวว่า ไทยคม ได้ใช้งบประมาณ 20 ล้านบาทในการร่วมจัดงาน และผลักดันให้เกิดนิทรรศการ นาซ่า เอ ฮิวแมน แอดเวนเจอร์ (NASA-A HUMAN ADVENTURE) ซึ่งถือเป็นนิทรรศทางอวกาศระดับโลกที่เปิดแสดงครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นครั้งที่ 2 ในทวีปเอเชีย รองจากญี่ปุ่น โดยในการจัดครั้งนี้ยังมีผู้ร่วมจัดงานอย่างบริษัทเซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น และบริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์จำกัด (มหาชน)
โดยภายในงานผู้ชมจะได้พบชิ้นส่วนยานอวกาศพร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอวกาศ รวมทั้งชิ้นส่วนที่ผ่านการใช้งานจริง โดยยังมีการแสดงนวัตกรรม และเทคโนโลยีตั้งแต่เริ่มต้นวันที่มนุษย์อวกาศคนแรกขึ้นไปเหยียบบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ และกลับถึงพื้นโลกอย่างปลอดภัย ซึ่งไทยคมยังได้จัดให้มีโซนต่างๆ เช่น การส่งดาวเทียม เพื่อให้ผู้สนใจได้สัมผัสกับประสบการณ์ในอวกาศแบบเสมือนจริง
“ไทยคมต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กไทยได้เกิดจินตนาการในด้านวิทยาศาสตร์ และอวกาศ ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่เสมือนจริงจึงได้จัดงานนี้ขึ้น ประกอบกับที่ผ่านมา นาซ่าได้มีแนวทางที่จะให้ความรู้ทางด้านนี้แก่คนทั่วโลกอยู่แล้ว ไทยคมจึงได้เข้าไปทำการเจรจาเพราะบริษัทมีลักษณะงานที่สอดคล้องกัน โดยได้ตั้งเป้าหมายไว้ลึกๆ ว่า ถ้าสามารถช่วยให้เด็กไทยสักคนหนึ่งเข้าสู่วงการนี้ได้สำเร็จในอนาคต ก็จะถือว่าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้”
นางศุภจี กล่าวว่า นิทรรศการ นาซ่า เอ ฮิวแมน แอดเวนเจอร์ ที่จัดขึ้นในประเทศไทยนั้น จะมีความเหนือกว่าการจัดงานที่ประเทศญี่ปุ่นตรงที่การมีไกด์เป็นผู้แนะนำชิ้นส่วนต่างๆ ซึ่งทางไทยคม ได้ทำการเทรนด์นิสิตจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้มานำเสนอความรู้ในโซนต่างๆ รวมไปถึงการมีประสบการณ์เสมือนจริงให้ได้ทดลองสัมผัส ซึ่งจะสร้างความน่าสนใจ และสร้างแรงบันดาลใจได้มากกว่าการวางชิ้นส่วนอวกาศไว้เพียงอย่างเดียว
สำหรับโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ 2 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอนโยบายที่ชัดเจนจากรัฐบาลก่อนจึงจะเริ่มดำเนินโครงการ แต่ขณะนี้ได้มีผู้สนใจ และพร้อมที่จะใช้บริการแล้ว โดยคาดว่าหากได้รับการอนุมัติ ไทยคมจะใช้งบประมาณในการดำเนินการประมาณ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนรายได้ในปีนี้นั้นคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น 30% จากเดิมที่คาดไว้ว่าจะเติบโตประมาณ 18%
โดยในไตรมาส 2 ปี 2558 นั้นเตรียมส่งดาวเทียมไทยคม 8 ขึ้นสู่วงโคจร หลังจากที่ขณะนี้ดาวเทียมไทยคม 7 มีผู้ใช้บริการเต็มแล้ว ส่วนไทยคม 6 มีการใช้งานประมาณ 70% ซึ่งในส่วนที่เหลือนั้นยังอยู่ระหว่างการรอให้สถานการณ์ในแอฟริกาคลี่คลายจากโรคอีโบลาเสียก่อน ไทยคมจึงต้องหยุดการทำตลาดในโซนนั้นชั่วคราว
ขอบคุณข่าวจากผู้จัดการออนไลน์